รศ.
ดร. ภิญโญ สุวรรณคีรี เกิดเมื่อปีพ.ศ. 2480 ที่จังหวัดสงขลา
ได้รับการเรียนการสอนทางด้านศิลปะไทยตั้งแต่เด็กๆ
ต่อมาได้เข้ารับการศึกษาปริญญาตรีทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบการศึกษาปริญญาโท
ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา
ด้วยใจรักทางด้านศิลปวัฒนธรรมไทยจึงเป็นอาจารย์มาตลอด
โดยสอนด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ลายเขียนไทย และสถาปัตยกรรมไทย
เนื่อง
จากผลงานด้านสถาปัตยกรรมไทยของอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายๆแห่ง
ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เช่น วัดกุสินารามมหาวิหาร ที่ประเทศอินเดีย
วัดไทยที่ลุมพินี ประเทศเนปาล พระตำหนักปากพนัง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ฯลฯ จึงทำให้ได้รับการ
ประกาศเกียรติคุณจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ คนดีศรีมหาวชิราวุธ
ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สถาปนิกดีเด่น
บุคคลตัวอย่างด้านการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมไทย
สถาปนิกผู้มีผลงานดีเด่นด้านการสร้างสรรค์ผลงานสถาปัตยกรรมไทย
ประเภทกิจกรรมและโครงการดีเด่น สถาปนิกผู้มีผลงานดีเด่น ด้านการอนุรักษ์
สร้างสรรค์ และสืบทอดผลงานสถาปัตยกรรมไทย การยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ
สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) บุคคลดีเด่นของชาติ สาขาพัฒนาสังคม
(สถาปัตยกรรมไทย) ได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ดม.ศ.)
รางวัลนิคเคอิเอเชีย ไพรซ์ สาขาศิลปวัฒนธรรม จากประเทศญี่ปุ่น
รางวัลเอเชียแปซิฟิก สาขาศิลปะวัฒนธรรม จากประเทศญี่ปุ่นอีกเช่นกัน
และอื่นๆอีกมากมาย
“ชีวิต
คนเรา พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว” หมายถึงว่า ชีวิตของเราแต่ละคนตอนที่เกิดนั้น
เลือกเกิดไม่ได้
มันต่างเป็นไปตามบุญและกรรมที่แต่ละคนสร้างไว้แต่ชาติปางก่อน
และทุกคนเกิดมาย่อมมีทางที่พรหมลิขิตกำหนดไว้แล้ว ตัวเองเชื่ออย่างนั้น
เพราะเทียบกับตัวเองดู ตอนเด็กๆไม่ได้เลือกที่จะเรียนศิลปะ
แต่บังเอิญพ่อของเพื่อน
ซึ่งบวชเป็นพระอยู่นั้นก็รับตนมาสอนวิชาเขียนลายไทยให้ตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ
และที่ได้มีชื่อเสียง มีผลงานก็เป็นเพราะจิตใจที่รักศิลปะนี้
พระเจ้าคงจะกำหนดมาให้เราเดินมาทางนี้มาตั้งแต่แรกจริงๆ ตอนที่เป็นนักเรียน
ไม่ชอบครูบาอาจารย์ จึงตัดสินใจตั้งใจเรียนทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม
เพื่อที่จะได้มีอาชีพที่ไม่ได้เป็นอาจารย์ แต่ไปๆมาๆ
ก็คงเป็นเพราะชะตาฟ้ากำหนด ก็หนีจากความเป็นอาจารย์ไม่พ้น
ตอนนี้ก็ยังสอนให้ความรู้กับเยาวชนและทุกคนๆที่สนใจในศิลปวัฒนธรรมไทย
อุปสรรคปัญหาที่ผ่านมา และวิธีการฝ่าฟันอุปสรรค
ปกติ
แล้วตนเองนั้น จะเป็นคนคิดในแง่ดีเสมอ
ถึงแม้จะมีปัญหาใหญ่ๆก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอุปสรรคอะไร
และเมื่อคิดแล้วว่าไม่ใช่อุปสรรค สิ่งต่างๆที่ตามมาก็จะดีขึ้นเอง แต่
เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ปัญหาที่ตนเองคิดจริงๆว่าเป็นอุปสรรคคือ ความยากจน
เนื่องจากบิดาบวชเป็นพระอยู่นานหลายปี
คนที่ต้องหารายได้เลี้ยงครอบครัวจึงเป็นมารดา ตนเองเป็นลูกคนโต
โดยมีน้องๆอีก 7 คนที่ต้องดูแล เลยทำให้ต้องเรียนไปด้วย
ทำงานเลี้ยงน้องๆไปด้วย แต่ก็โชคดีที่มีงานพิเศษให้ทำอยู่เรื่อยๆ
เช่นงานทำป้ายเหล็ก งานทองเหลือง ฯลฯ
จึงทำให้สามารถหาเงินให้น้องๆได้เรียนหนังสือได้ด้วย
สิ่งที่ช่วยให้ข้ามอุปสรรคนี้มาได้ ก็คือ ความขยันมั่นเพียร นั่นเอง
มุมมองเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทยในปัจจุบัน
ใน
เรื่องภาพรวมของการเมืองและเศรษฐกิจไทยนั้น ตนเองก็คอยเอาใจช่วยอยู่เสมอ
เพียงแต่ว่าตนเองจะสามารถช่วยอะไรประเทศชาติทางด้านนี้ได้นั้น
คงจะไม่มีเพราะไม่ได้เชี่ยวชาญ ส่วน
เรื่องของสังคมไทยนั้น ที่มีคนกล่าวกันว่าเด็กๆสมัยนี้ มี่สนใจความเป็นไทย
เอาแต่สนใจต่างประเทศหรือค่านิยมที่ผิดๆนั้น ตนเองเชื่อว่ามันไม่จริง
ตนเองเชื่อว่า เด็กไทยที่ดีๆอยู่ก็มีอยู่มาก
เพียงแต่เนื่องจากประชากรตอนนี้เพิ่มเยอะขึ้น
ก็ก็เป็นเรื่องปกติที่เด็กที่ไม่ดี ก็อาจจะเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนด้วย
จากการที่ได้สอนนิสิตนักศึกษาจากหลายๆมหาวิทยาลัย ก็เห็นว่า
เยาวชนไทยที่สนใจศิลปวัฒนธรรมไทยก็มีอยู่มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี
และตนเองก็จะตั้งใจเต็มที่
ที่จะเผยแพร่ความรู้เรื่องเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมไทย และศิลปวัฒนธรรมไทยต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น