วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

รศ. ดร. ภิญโญ สุวรรณคีรี


     
รศ. ดร. ภิญโญ สุวรรณคีรี เกิดเมื่อปีพ.ศ. 2480 ที่จังหวัดสงขลา ได้รับการเรียนการสอนทางด้านศิลปะไทยตั้งแต่เด็กๆ ต่อมาได้เข้ารับการศึกษาปริญญาตรีทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบการศึกษาปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ด้วยใจรักทางด้านศิลปวัฒนธรรมไทยจึงเป็นอาจารย์มาตลอด โดยสอนด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ลายเขียนไทย และสถาปัตยกรรมไทย
เนื่อง จากผลงานด้านสถาปัตยกรรมไทยของอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายๆแห่ง ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เช่น วัดกุสินารามมหาวิหาร ที่ประเทศอินเดีย วัดไทยที่ลุมพินี ประเทศเนปาล พระตำหนักปากพนัง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ฯลฯ จึงทำให้ได้รับการ ประกาศเกียรติคุณจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ คนดีศรีมหาวชิราวุธ ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สถาปนิกดีเด่น บุคคลตัวอย่างด้านการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมไทย สถาปนิกผู้มีผลงานดีเด่นด้านการสร้างสรรค์ผลงานสถาปัตยกรรมไทย ประเภทกิจกรรมและโครงการดีเด่น สถาปนิกผู้มีผลงานดีเด่น ด้านการอนุรักษ์ สร้างสรรค์ และสืบทอดผลงานสถาปัตยกรรมไทย การยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) บุคคลดีเด่นของชาติ สาขาพัฒนาสังคม (สถาปัตยกรรมไทย) ได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ดม.ศ.) รางวัลนิคเคอิเอเชีย ไพรซ์ สาขาศิลปวัฒนธรรม จากประเทศญี่ปุ่น รางวัลเอเชียแปซิฟิก สาขาศิลปะวัฒนธรรม จากประเทศญี่ปุ่นอีกเช่นกัน และอื่นๆอีกมากมาย
  
คติพจน์ประจำใจ
“ชีวิต คนเรา พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว” หมายถึงว่า ชีวิตของเราแต่ละคนตอนที่เกิดนั้น เลือกเกิดไม่ได้ มันต่างเป็นไปตามบุญและกรรมที่แต่ละคนสร้างไว้แต่ชาติปางก่อน และทุกคนเกิดมาย่อมมีทางที่พรหมลิขิตกำหนดไว้แล้ว ตัวเองเชื่ออย่างนั้น เพราะเทียบกับตัวเองดู ตอนเด็กๆไม่ได้เลือกที่จะเรียนศิลปะ แต่บังเอิญพ่อของเพื่อน ซึ่งบวชเป็นพระอยู่นั้นก็รับตนมาสอนวิชาเขียนลายไทยให้ตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ และที่ได้มีชื่อเสียง มีผลงานก็เป็นเพราะจิตใจที่รักศิลปะนี้ พระเจ้าคงจะกำหนดมาให้เราเดินมาทางนี้มาตั้งแต่แรกจริงๆ ตอนที่เป็นนักเรียน ไม่ชอบครูบาอาจารย์ จึงตัดสินใจตั้งใจเรียนทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม เพื่อที่จะได้มีอาชีพที่ไม่ได้เป็นอาจารย์ แต่ไปๆมาๆ ก็คงเป็นเพราะชะตาฟ้ากำหนด ก็หนีจากความเป็นอาจารย์ไม่พ้น ตอนนี้ก็ยังสอนให้ความรู้กับเยาวชนและทุกคนๆที่สนใจในศิลปวัฒนธรรมไทย
อุปสรรคปัญหาที่ผ่านมา และวิธีการฝ่าฟันอุปสรรค
ปกติ แล้วตนเองนั้น จะเป็นคนคิดในแง่ดีเสมอ ถึงแม้จะมีปัญหาใหญ่ๆก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอุปสรรคอะไร และเมื่อคิดแล้วว่าไม่ใช่อุปสรรค สิ่งต่างๆที่ตามมาก็จะดีขึ้นเอง แต่ เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ปัญหาที่ตนเองคิดจริงๆว่าเป็นอุปสรรคคือ ความยากจน เนื่องจากบิดาบวชเป็นพระอยู่นานหลายปี คนที่ต้องหารายได้เลี้ยงครอบครัวจึงเป็นมารดา ตนเองเป็นลูกคนโต โดยมีน้องๆอีก 7 คนที่ต้องดูแล เลยทำให้ต้องเรียนไปด้วย ทำงานเลี้ยงน้องๆไปด้วย แต่ก็โชคดีที่มีงานพิเศษให้ทำอยู่เรื่อยๆ เช่นงานทำป้ายเหล็ก งานทองเหลือง ฯลฯ จึงทำให้สามารถหาเงินให้น้องๆได้เรียนหนังสือได้ด้วย สิ่งที่ช่วยให้ข้ามอุปสรรคนี้มาได้ ก็คือ ความขยันมั่นเพียร นั่นเอง
มุมมองเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทยในปัจจุบัน
 ใน เรื่องภาพรวมของการเมืองและเศรษฐกิจไทยนั้น ตนเองก็คอยเอาใจช่วยอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าตนเองจะสามารถช่วยอะไรประเทศชาติทางด้านนี้ได้นั้น คงจะไม่มีเพราะไม่ได้เชี่ยวชาญ ส่วน เรื่องของสังคมไทยนั้น ที่มีคนกล่าวกันว่าเด็กๆสมัยนี้ มี่สนใจความเป็นไทย เอาแต่สนใจต่างประเทศหรือค่านิยมที่ผิดๆนั้น ตนเองเชื่อว่ามันไม่จริง ตนเองเชื่อว่า เด็กไทยที่ดีๆอยู่ก็มีอยู่มาก เพียงแต่เนื่องจากประชากรตอนนี้เพิ่มเยอะขึ้น ก็ก็เป็นเรื่องปกติที่เด็กที่ไม่ดี ก็อาจจะเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนด้วย จากการที่ได้สอนนิสิตนักศึกษาจากหลายๆมหาวิทยาลัย ก็เห็นว่า เยาวชนไทยที่สนใจศิลปวัฒนธรรมไทยก็มีอยู่มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และตนเองก็จะตั้งใจเต็มที่ ที่จะเผยแพร่ความรู้เรื่องเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมไทย และศิลปวัฒนธรรมไทยต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น